พระไพศาล วิสาโล |
|||
เมื่อพูดถึงความตาย เรามักนึกถึงความเจ็บปวด ความทุรนทุราย และความพลัดพรากสูญเสียจากสิ่งที่รัก บางคนอาจนึกเลยไปถึงสิ่งลี้ลับดำมืดหรือความทุกข์ทรมานที่รออยู่เบื้องหน้าหลังสิ้นลม ความตายจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวในความรู้สึกของผู้คน จนแม้แต่จะเอ่ยถึงก็ยังไม่กล้า กล่าวได้ว่าความตายเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเกิดได้กับคน ๆ หนึ่ง เพราะไม่มีอะไรที่จะเป็นสุดยอดของความพลัดพรากนอกจากความตาย แต่ในทุกวิกฤตย่อมมี โอกาสอยู่เสมอ มองในแง่กายภาพ ความตายเป็นวิกฤตที่นำความแตกดับมาสู่ชีวิตก็จริง แต่ในเวลาเดียวกันก็เปิดโอกาสให้หลายชีวิตมีลมหายใจยืนยาวต่อไป โดยอาศัยอวัยวะจากผู้ตายมาปลูกถ่ายทดแทน หรืออาศัยความรู้จากร่างของผู้ตาย มาพัฒนาวิธีการเยียวยารักษาโรคร้ายเพื่อยืดชีวิตของผู้คน ใช่แต่เท่านั้น ความตายยังเป็นโอกาสในทางจิตวิญญาณด้วย กล่าวคือเป็นประตูเปิดสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ดังคนโบราณเชื่อว่าหากตั้งจิตให้เป็นกุศลก่อนตายก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์หรือได้พบพระศรีอาริย์ในชาติต่อไป ถ้าเป็นคนอีสานก็เชื่อว่าจะได้ไปสักการะพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ถึงแม้จะไม่เชื่อในภพหน้า ความตายก็ยังสามารถหนุนเนื่องให้เกิดการยกระดับทางจิตใจได้ตั้งแต่ขั้นสามัญไปจนถึงขั้นสูงสุด คือการบรรลุอรหัตผล ในพระไตรปิฎกมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับบุคคลที่บรรลุธรรมขั้นสูงในขณะที่ความตายมาประชิดตัว อาทิ พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา ในวาระสุดท้ายของพระองค์ทรงประชวรหนัก มีทุกขเวทนาแรงกล้า พระพุทธองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมถึง ๗ วัน ๗ คืน ในคืนสุดท้าย ทรงแสดงธรรมเรื่องความไม่เที่ยง พระเจ้าสุทโธทนะทรงพิจารณาตาม และเห็นแจ้งด้วยพระองค์เองว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ในที่สุดก็ทรงบรรลุอรหัตผลก่อนจะเสด็จดับขันธ์ในคืนนั้นเอง
ส่วนพระสัปปทาสมีประวัติที่แตกต่างออกไป กล่าวคือท่านมีความทุกข์มากที่ไม่เคยพบกับความสงบใจเลยตลอด ๒๕ ปีที่บวช จึงตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง ช่วงที่ท่านปาดคอตนเอง ท่านได้สติหันมาพิจารณาความเจ็บปวดอันแรงกล้าที่เกิดขึ้น และเห็นว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง จิตจึงละวางจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ชั่วขณะนั้นเองก็บรรลุอรหัตผลก่อนจะสิ้นลม ความตายนั้นตัดรอนชีวิตและบีบคั้นกายใจก็จริง แต่ในเวลาเดียวกันก็ประกาศสัจธรรมอย่างชัดเจนว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นว่าเป็นของเราได้เลย เพราะเอาไปไม่ได้สักอย่าง ส่วนทุกขเวทนาอันแรงกล้านั้นก็ตอกย้ำว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ไม่น่ายึดไม่น่าเอา เป็นเสมือนครูที่เฆี่ยนตีไม่หยุดหย่อนจนกว่าเราจะเข็ดหลาบ และยอมปล่อยวางสังขารนั้นไปในที่สุด ด้วยเหตุนี้ในยามที่ความตายมาคุกคาม จึงมีโอกาสอย่างมากที่บุคคลจะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมจนละวางความยึดติดถือมั่นในสังขาร เข้าถึงมรรคผลนิพพาน หรือลุถึงอิสรภาพทางจิตวิญญาณได้ ท่านพุทธทาสภิกขุจึงเรียกช่วงเวลาที่ใกล้ตายว่าเป็น นาทีทองของชีวิต สำหรับคนทั่วไปที่ไกลวัด หรือไม่หวังนิพพานในชาตินี้
ความตายก็ยังเป็นโอกาสให้ได้พบสิ่งดี ๆ เท่าที่ปุถุชนจะหวังได้ เช่น ได้เห็นลูกหลานหรือพี่น้องกลับมาคืนดีกันเพราะเห็นแก่คนป่วยที่กำลังจะตาย
ในทำนองเดียวกัน บางคนที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ภรรยาจนฝ่ายหลังตีจาก เมื่อเจ้าตัวป่วยหนักจนภรรยาอยู่เฉยไม่ได้
ต้องกลับมาดูแลอย่างใกล้ชิด สามีจึงมีโอกาสเอ่ยปากขอโทษภรรยา และนำไปสู่การคืนดีกันได้ในที่สุด
ทั้ง ๆ ที่ร่างกายใกล้จะแตกดับ แต่ก็มีหลายคนที่ได้พบกับความสงบในยามใกล้ตาย เพราะได้ปล่อยวางภาระต่าง ๆ ในชีวิต ด้วยรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะแบกเอาไว้ต่อไป บ้างก็หันมาให้เวลากับลูกหลานและพ่อแม่ ได้รับความอบอุ่นใจ และดีใจที่ได้ทำสิ่งสำคัญในชีวิตก่อนตาย บางคนเมื่อรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อย ได้หันเข้าหาธรรมะ เจริญสมาธิภาวนา สร้างบุญสร้างกุศลเต็มที่ จึงพบกับความสุขใจอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน หากไม่มีมรณภัยมาประชิดตัว ผู้คนเหล่านี้ก็คงยังหมกมุ่นกับการงาน แสวงหาเงินทอง วุ่นวายกับภาระต่าง ๆ หาไม่ก็เพลิดเพลินกับความสนุกสนาน จนลืมไปว่ายังมีสิ่งที่ดีกว่าหรือสิ่งสำคัญอย่างอื่นในชีวิตที่ต้องใส่ใจ ใช่หรือไม่ว่าความตายมาเตือนให้เขาหันมาทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจอย่างแท้จริง รางวัลที่ได้ก็คือความสงบเย็นและความสุขใจที่อาจไม่เคยรู้จักมาก่อน กระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิตก็ยังพบกับความสงบได้ ไม่ทุรนทุรายแม้ทุกขเวทนาทางกายจะบีบคั้นก็ตาม ความตายจึงไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความทุกข์ทรมานเสมอไป มีผู้คนเป็นอันมากที่จากไปท่ามกลางความอาลัยและความปลื้มปีติของญาติที่เห็นคนรักของตนจากไปอย่างสงบและงดงาม มารี คูรี นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องเคยกล่าวว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัว มีแต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ความข้อนี้ใช้กับความตายได้ด้วย ความตายนั้นไม่น่ากลัวเลยหากเราเข้าใจความตายอย่างรอบด้านและทุกแง่มุม จนเห็นว่าความตายไม่ใช่วิกฤต หากเป็นโอกาสอันทรงคุณค่าด้วย |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|
webmaster
๒๕๕๒ All
Rights ไม่ Reserved |