![]() |
ป๊ากับฉัน และเงาของเรา
|
เมื่อได้อ่านเรื่องราวของครูณา หลายคนคงมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ยิ้มเพราะดีใจที่ครูณาได้ “พบ” พ่อที่รักและไว้วางใจลูกเสมอมา หลังจากที่เหินห่างหมางเมินมานาน ก็ได้กลับมาคืนดีกับพ่อ ได้รักพ่ออย่างเต็มหัวใจ ได้สัมผัสกับความสุขประสาพ่อแม่ลูกในบั้นปลายชีวิตของผู้เฒ่า จนกระทั่งได้ส่งพ่อสู่ความสงบในวาระสุดท้าย ส่วนน้ำตาคลอนั้น คงไม่ใช่เพียงเพราะซาบซึ้งประทับใจในความรักที่พ่อและครูณามีต่อกันเท่านั้น ใช่หรือไม่ว่าเรื่องราวของครูณายังเสมือนกระจกที่สะท้อนบางมุมหรือบางด้านของชีวิตเราที่ทำให้อดสะเทือนใจไม่ได้ แต่บางคนอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบกระแทกส่วนเปราะบางในใจที่ไม่อยากแตะต้องหรือนึกถึง มันอาจเป็นปมเก่า หรือแผลที่เรื้อรังจนทุกวันนี้ “ป๊า” ของครูณาชวนให้หลายคนนึกถึงพ่อ(หรือแม่)ของตน ความผิดหวังของครูณาที่มีต่อป๊าในอดีต คงไม่ต่างจากความรู้สึกของหลายคนที่มีต่อบุพการีในปัจจุบัน แต่ขณะที่ครูณากลับมารักพ่อและได้พ่อคนเดิมที่น่ารักใจดีกลับคืนมา หลายคนยังโกรธเคืองพ่อ หันหลังให้พ่อ ใช้ชีวิตเหมือนเส้นขนานที่มิอาจบรรจบพบกันได้ แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำเช่นนั้น หลายคนยืนกรานที่จะทำต่อไปทั้ง ๆ ที่ในส่วนลึกของใจยังอยากไปคืนดีกับพ่อ หรืออยากได้พ่อคนเดิมกลับมา แต่นั่นเป็นความคิดคำนึงด้านเดียวเท่านั้น ในอีกด้านหนึ่งเรื่องราวของครูณาคงสะกิดให้เราหวนนึกนึกถึงความรู้สึกดี ๆ ที่เคยได้รับจากพ่อแม่ ซึ่งยอมเหนื่อยยากเพื่อลูกโดยไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตน ภาพงดงามเหล่านั้นบางคนอาจลืมไปแล้วจนกระทั่งเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อใคร่ครวญอย่างช้า ๆ หลายคนคงพบว่าพ่อไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เรานึก ภาพพ่อที่ฝังใจเรานั้นเกิดจากอคติที่ฝังรากลึก หรือพูดอย่างครูณาคือ ใส่เขาไปในกล่องที่คับแคบ ทำให้ไม่อาจรับรู้ มองเห็น หรือสัมผัสอย่างที่เขาเป็นจริง ๆ เรื่องราวของครูณาบอกเราว่า เราคิดลบกับเขาอย่างไร ก็เห็นเขาอย่างนั้น ยิ่งกว่านั้นก็คือ เราปฏิบัติกับเขาอย่างไร ก็ผลักให้เขาเป็นอย่างนั้นหนักกว่าเดิม เมื่อรู้สึกไม่ดีกับเขา ทำไม่ดีกับเขา เมินเฉยหรือหันหลังให้เขา ก็ยิ่งผลักให้เขามีพฤติกรรมที่เป็นลบ กลายเป็นคนที่ก้าวร้าว น่าระอา และทำให้เรารู้สึกแย่กับเขามากขึ้น บ่อยครั้งเราอดถามในใจด้วยความขุ่นเคืองไม่ได้ว่า เขาเคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตนเองบ้างไหม แต่เราไม่เคยถามตัวเองอย่างที่ครูณาถามเราว่า “แล้วเธอล่ะ เธอเคยเปลี่ยนภาพมุมมองที่มีต่อเขาบ้างไหม เธอเคยเอาเขาออกจากกล่องที่เธอตัดสินเขาบ้างหรือเปล่า” ความคิดและการกระทำที่เป็นลบของเรา สามารถผลักให้ใครบางคนมีพฤติกรรมที่เป็นลบ ฉันใด ความคิดและการกระทำที่เป็นบวกของเรา ก็สามารถช่วยให้เขากลับมามีพฤติกรรมที่เป็นบวก ฉันนั้น เมื่อเห็นความดีของพ่อ ซาบซึ้งในความเมตตาของพ่อ และปฏิบัติต่อท่านด้วยความรัก ลูกก็สามารถช่วยให้พ่อกลายเป็นคนดี หรือกลับมาเป็นพ่อที่น่ารักและใจดีเหมือนเดิม จะว่าไปแล้วทุกคนล้วนมีคุณธรรมหรือความใฝ่ดีในจิตใจทั้งนั้น หากเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ก้าวร้าว เอาเปรียบ นั่นก็เพราะพลังแห่งความดีในใจเขานั้นอ่อนแรง แต่เมื่อใดที่พลังดังกล่าวถูกกระตุ้นหนุนเสริม ก็จะมีกำลังจนเอาชนะความใฝ่ต่ำในใจเขาได้ อะไรเล่าที่จะกระตุ้นหนุนเสริมพลังแห่งความดีในใจเราได้ดีเท่ากับความรักและความเชื่อมั่นของคนรอบข้าง เรื่องราวของครูณาไม่เพียงช่วยให้เรารู้จักคนสำคัญในชีวิตของเราดีขึ้น เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องเข้าไปในชีวิตและจิตใจของเขาเท่านั้น หากยังช่วยให้เรารู้จักตัวเองดีขึ้นด้วย ประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือ เราไม่เพียงได้รับอิทธิพลจากการเลี้ยงดูหรือการสั่งสอนของพ่อแม่เท่านั้น ทัศนคติและความรู้สึกของเราต่อพ่อแม่ ก็มีส่วนในการกำหนดวิถีชีวิตของเราในเวลาต่อมามิใช่น้อย ความข้อนี้รวมถึงความรู้สึกลบต่อพฤติกรรมหรือนิสัยบางอย่างที่ไม่ดีของพ่อแม่ ใช่หรือไม่ว่า พฤติกรรมหรือนิสัยใดของพ่อแม่ที่เราไม่ชอบ เรากลับซึมซับรับเอามาเป็นของตัวเอง พูดอย่างครูณา ยิ่งเราพยายามหนีเงามืดของพ่อแม่ เราก็กลับไปอยู่ในเงาของเขา เป็นเรื่องน่าใจหายหากพบว่า สิ่งไม่ดีของพ่อแม่นั้น เรากลับรับมาเต็มที่ ซ้ำยังถ่ายทอดไปให้ลูก หรือแสดงออกกับลูกด้วย กลายเป็นว่า เรารู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่อย่างไร ลูกก็รู้สึกไม่ดีกับเราอย่างนั้น ขณะเดียวกันลูกก็ซึมซับรับเอาสิ่งไม่ดีของเราไปด้วย หลายคนเสียใจและกลุ้มใจที่พบว่าลูกมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดี ดังนั้นจึงพยายามเปลี่ยนแปลงลูก หารู้ไม่ว่าวิธีเปลี่ยนแปลงลูกที่ดีที่สุด ก็คือเปลี่ยนแปลงตนเอง และการเปลี่ยนแปลงตนเองอาจจะต้องเริ่มต้นหรือทำควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อพ่อแม่ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ นอกจากพ่อแม่จะเปลี่ยนไป และความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพ่อแม่จะดีขึ้นแล้ว ลูกก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน และความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกก็จะดีขึ้นด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อเราเปลี่ยนแปลงตนเอง พ่อแม่และลูกของเราก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกนั้น ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องและส่งผลถึงกันหมด ไม่ว่าดีหรือร้าย หนังสือเล่มนี้จึงมิใช่เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของครูณาเท่านั้น หากยังมีนัยยะครอบคลุมถึงเราทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะพ่อแม่หรือลูก หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิดและบทเรียนแก่เรามากมาย สำหรับคนที่มีปมกับพ่อ มีปัญหากับแม่ หนังสือเล่มนี้ให้ความหวังว่าการคืนดีนั้นเป็นไปได้ อีกทั้งยังเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่อยากกลับมารักพ่อแม่ ยังไม่สายเกินไปสำหรับการได้ท่านกลับมาแล้วมีความสุขร่วมกันจนกว่าความตายจะมาพรากไป
พระไพศาล วิสาโล |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|