ที่นี่บ้านเรา “มาบ้านเรา อย่าลืมว่าที่นี่เป็นบ้านที่สองของพวกเรา” เป็นคำพูดยินดีต้อนรับมาจากใจเปี่ยมด้วยเมตตา ผ่านน้ำเสียงและท่าทีที่อบอุ่นยิ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้ไทย ฝรั่ง ต่างประเทศที่แม้ไม่รู้ความ ทุกคนหมดความแปลกแยกในทันที วัด – บ้านที่อยู่คนละโลกกลายเป็นเรื่องไม่แบ่งแยก กลายเป็นบ้านเรา เป็นที่อบอุ่นคุ้นเคย ความหวั่นไหวในจิตใจสงบลงทันทีที่สิ้นเสียงคำกล่าวที่หลวงพ่อบอกว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไร กลายเป็นเรื่องของเราทันที สังเกตจากนานาบุคคลในรอบสิบปี ที่หลวงพ่อพูดทำนองนี้ด้วย จะเห็นใบหน้าที่ผ่อนคลาย ตากลับมามีประกายแจ่มใส และมีคำพูดที่แสดงออกถึงความชื่นในหัวใจ มาแทนที่ความสับสนจากทุกข์หนักที่ค้างคาใจ นี่คือพลังธรรมจากหลวงพ่อที่อบอวลอย่างเป็นธรรมชาติ ให้คนรอบข้างสัมผัสได้ทุกลมหายใจด้วยภาพด้วยเสียง ของหลวงตาใส่แว่น อ้วนๆ ท่าทางใจดี กำลังปลูกต้นไม้ ล้างส้วม ซักจีวร ทำโน่น ทำนี่ เหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อพูดกับใครหรือพูดธรรมะสู่กันฟัง แนวพูด เนื้อหา ท่าที น้ำเสียงเหมือนพ่อพูดกับลูก ไม่ใช่ผู้ทรงภูมิชื่อดังกำลังสอนศิษย์ ธรรมะที่หลวงพ่อสื่อจะชี้แนวไปที่คลายทุกข์ในชีวิตประจำวัน ทุกข์จากการทำงาน ทำนา กินข้าว เลี้ยงลูก หรือการกระทบจากการอยู่กินฉันผัวเมีย ใช้โอกาสเหล่านี้เปลี่ยนกลับมารู้สึกตัว จะมีโอกาสกลมกลืนกันเหมือนลิ้นกับฟันยามเคี้ยวอาหาร และที่สำคัญคือท่าทีของความเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตรที่ยิ่งใหญ่ ทำให้การปฏิบัติธรรมทำได้ทุกลมหายใจ ไม่ใช่สิ่งลึกลับ เพียงกลับมารู้สึกตัว...รู้ซื่อๆ เมื่อไรก็ได้ ลืมบ้าง หลงบ้าง ไม่เป็นไร ไม่ใช่ต้องรู้ตลอด รู้ว่ารู้ก็ใช่แล้ว รู้ว่าหลงก็ใช่แล้ว ลืมบ้างก็เริ่มต้นใหม่ ค่อยๆ ทำไปจะเป็นนิสัยไปเอง เมื่อเราอยู่ใกล้ได้เห็น การลุก นั่ง ฟัง พูด หรือแม้นอน หลวงพ่อจะมีสติประกอบทุกกิจกรรม เป็นหลวงพ่อใหญ่ใจดีที่น่านับถือ เป็นแบบอย่างไม่ว่าหลับหรือตื่น แม้ท้ายสุด...จะไม่ได้ยินเสียงหลวงพ่ออีก |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|