เมล็ดพันธุ์แห่งโพธิ เมื่อเรียนจบ ข้าพเจ้าก็ยังทำงานกับคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศพพ.) พาฝรั่งบ้างคนไทยบ้าง โดยมากเป็นองค์กรทางศาสนาไปศึกษาดูงาน ซึ่งหลวงพ่อมีความโดดเด่นด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและกรรมฐานเช่นเดียวกับ หลวงพ่อนาน สุทธสีโล จังหวัดสุรินทร์ จากที่เป็นลูกศิษย์รับใช้และสนองงานพระนักพัฒนาอยู่หลายปี เมื่อมีโอกาสได้อุปสมบทที่วัดทองนพคุณ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้าพเจ้าได้อยู่ศึกษาชีวิตพระนวกะ เรียนบาลี นักธรรม พรรษาแรกในกรุงเทพฯ จากนั้นก็ออกต่างจังหวัด โดยเลือกวัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่มีหลวงพ่อและหลวงพี่ไพศาล วิสาโล เป็นพี่เลี้ยง จำได้ว่าในปี ๒๕๒๙ มีโครงการบวชเพื่อสังคม ตั้งใจฝึกอบรมพระรุ่นใหม่ เพื่อเป็นพระนักพัฒนาสังคม แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์ และพื้นเพความคิดที่แตกต่างหลากหลายและความสนใจที่ไปกันไม่ค่อยได้ เกิดภาวะแพแตกในพรรษาจนไม่มีกฐิน หลวงพ่ออยู่วัดภูเขาทองแต่ก็เมตตาเดินเท้าถึง ๔ กม. มาช่วยอบรมเป็นครั้งคราว และสุดท้ายท่าน ก็แนะให้พวกเราซึ่งเป็นเจ้าบ้านยอมโอนอ่อนผ่อนตามแขก ซึ่งแม้ไม่สู้จะเห็นด้วย แต่นับว่าได้เรียนรู้อยู่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อและประทับใจคำที่หลวงพ่อบอกว่า ต่อไปอย่าบวชเพื่อสังคมแต่ให้บวชเพื่อพระศาสนา เพราะการอ้างยอมอาบัติเพื่อประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คำตอบ นอกจากความเอื้อเฟื้อธรรมวินัยและรอบรู้เรื่องวัฒนธรรมความเชื่ออย่างพื้นบ้านแล้ว หลวงพ่อยังมีความรู้เรื่องธรรมชาติอย่างดียิ่ง ท่านได้บอกเล่าให้ฟังเสมอว่า การอยู่กลมกลืนกับธรรมชาตินั้นดีอย่างไร ท่านเป็นครูที่ประเสริฐ มีอุบายในการอบรมพระเณรและญาติโยม ทุกคนจึงรักและเคารพหลวงพ่อมาก เพราะท่านทั้งยิ้มแย้มแจ่มใส อบอุ่น อ่อนโยน และให้กำลังใจทุกคนตลอดเวลาที่อยู่กับหลวงพ่อ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหลวงพ่อหงุดหงิดขัดเคืองเพราะความโกรธไม่ได้ดั่งใจสักครั้งเดียว มีแต่ชี้แนะตักเตือนให้มีความรับผิดชอบ ตื่นตัวว่องไวในการทำงานและการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อมักจะพูดอยู่เสมอว่ายังทำไม่สุดฝีมือ หรือยังทำให้ดีกว่านี้ได้อีกหากมีโอกาสได้ทำใหม่ เมื่อผ่านพรรษาที่ ๒ ข้าพเจ้าลังเลใจอยู่นานว่าควรจะอยู่ดูแลป่าไม้ ที่วัดป่าสุคะโต หรือควรเอาดีด้านงานหนังสือธรรมะ ที่วัดญาณเวศกวัน หรือวัดทองนพคุณ สุดท้ายก็เลือกไปรับใช้สนองงานท่านอาจารย์พุทธทาส ที่สวนโมกข์ และอาจารย์โพธิ์ ที่สวนโมกข์นานาชาติ เพื่อเผยแผ่ อบรมธรรมะและสมาธิภาวนาแก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศจนท่านมรณภาพ ไม่ได้กลับมารับใช้หลวงพ่ออีก มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงใต้ไปถึงเกาะตะรุเตา จ.สตูล ข้าพเจ้าก็ได้ติดตามไปด้วย เวลานั้นหลวงพ่อยังหนุ่มแน่นและพูดให้ขวัญกำลังใจคนแก่และคนไข้ได้ดี ซึ่งข้าพเจ้ายังนำมาใช้เสมอว่า ทำใจดีๆไว้นะ การที่ข้าพเจ้าอยู่ห่างครูบาอาจารย์ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา จนล่วงเข้าสู่ช่วงถดถอยจึงมีโอกาสไปเยี่ยมอีกครั้ง แม้ท่านจะอาพาธแต่ก็ยังมีเมตตา และแจ่มใสให้ความสุขแก่ผู้อยู่รอบข้างเสมอ หลวงพ่อปรารภถึงความเสื่อมของศีลธรรมของหมู่บ้าน เมื่อมีความเจริญสมัยใหม่เข้ามา และยังพยายามหาทางแก้ไขในแบบของท่านอยู่เสมอ ท่านเป็นที่พึ่งทางใจที่ให้ความอบอุ่นร่มเย็น ทั้งแก่คนชนบท คนเมือง ไปจนถึงคนต่างประเทศด้วย ความประทับใจในอัธยาศัยอันอ่อนโยน คำพูดอันอ่อนหวานจากใจจริง และด้วยท่าทีอ่อนน้อมของหลวงพ่อ ข้าพเจ้ายิ่งไม่กล้ารบกวนท่าน ได้แต่ติดตามฟังข่าวจากคนรอบข้างเป็นระยะๆ ขณะที่หลายคนคิดว่าหลวงพ่อแข็งแรง ร่าเริง แจ่มใส ทำงานและใช้ชีวิตอย่างคนปกติดี เหมือนคนไม่เจ็บป่วยแต่คนใกล้ชิดก็รู้ถึงวาระสุดท้ายที่ใกล้เข้ามา เสมอเปลวเทียนที่รุ่งโรจน์โชติช่วง ก่อนจะดับไปในเช้ามืดวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ด้วยอาการสงบ หลังจากฝากข้อธรรมะสุดท้าย.... หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ แห่งวัดภูเขาทอง เป็นทองแท้สมชื่อ สมณฉายา และสมกับนามของวัด ท่านจากไปแล้วด้วยดี (สุคะโต - คำบริกรรมที่ท่านสอนให้ข้าพเจ้าใช้ตอนเดินทางไกล) สำหรับข้าพเจ้าแล้วท่านเป็นพระอริยะร่วมสมัย ที่ผู้อยู่ใกล้สามารถสัมผัสได้ ถึงความรู้แจ้ง ความบริสุทธิ์ และความเมตตากรุณาอันแผ่ไพศาลของท่าน ซึ่งเป็นผลจากการเจริญสติ พากเพียรปฏิบัติธรรม ด้วยความเสียสละ รักธรรมะ และรักธรรมชาติ จนได้โพธิปัญญา และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวพุทธแห่งยุคสมัย ข้าพเจ้าภูมิใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ แม้จะอยู่หางแถว หรือนอกแถวก็ตาม หากแต่ในใจไม่เคยเหินห่างว่างเว้นจากท่านเลย |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|