กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ภายหลังวงการพระสงฆ์มีเรื่องราวฉาวโฉ่ ไม่เหมาะสมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์บุกจับ! พระเสพค้ายาบ้าคากุฏิพร้อมยึดของกลาง, เสื่อม! พระบอกชาวบ้านให้ใส่บาตร สุราและเบียร์เท่านั้น, แฉคลิปพระเล่นไพ่ในกุฏิ, จับพระสงฆ์วัย 79 ปีหื่น ซื้อบริการสาว 21 หลับนอน, สลด! พระด่าสีกาสนั่นรถไฟฟ้า, พระมั่วสีกา, พระตุ๋ยเณร
ล่าสุดก็เรื่อง พระชื่อดังยอมรับว่าครอบครองรถหรู โดยลูกศิษย์มอบให้ คลิปพระนั่งเครื่องบินเจ็ตใช้ของแบรนด์เนม ใช้ไอแพด-ไอโฟน และภาพพระสงฆ์มอบกุญแจรถยนต์ให้กับพระผู้ใหญ่
นี่แค่ครึ่งปีแรก เรื่องราวกระอักกระอ่วนในวงการผ้าเหลืองเหล่านี้ ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลง นับวันยิ่งทวีคูณความเสื่อมถอยมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนตั้งคำถามกับสิ่งที่ถาโถมระยะหลังมานี้ว่า พวกเรากำลังเข้าสู่ยุคที่พระสงฆ์เสื่อมที่สุดอยู่ใช่ไหม
แล้วเราจะไหว้พระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่มั่น ที่พึ่งสุดท้ายกันอย่างสนิทใจได้อย่างไร และสิ่งสำคัญที่ต้องค้นหาคำตอบก็คือ อะไรคือต้นธารสาเหตุ พระ ศาสนา ญาติโยม หรือสังคม? พร้อมกับหาทางออกด้วยว่าในยุคที่วงการผ้าเหลืองเสื่อมสุดขีด เราจะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร ไทยรัฐออนไลน์อาสาพาไปหาคำตอบ
พระไพศาล วิเคราะห์ 2556 ยุคพระเสื่อมสุดขีด เพราะอะไร...?
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต พระนักคิดนักเขียน นักปฏิบัติธรรมชื่อดัง เห็นว่าเหตุการณ์วงการสงฆ์เสื่อมนั้นเกิดขึ้นทุกยุคสมัย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ถึงกันอย่างรวดเร็ว
“อาตมายอมรับว่ายุคนี้เป็นยุคที่พระสงฆ์เสื่อมมากที่สุดยุคหนึ่ง เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราอยู่ในยุควัตถุนิยม บริโภคนิยม ทุนนิยมมันแพร่หลายไปกว้างขวาง ทำให้พระลุ่มหลงไปกับสิ่งเหล่านี้มาก และยิ่งสมัยนี้พระสงฆ์นั้นแยกขาดจากชุมชนไปไกลมาก สมัยก่อนชุมชนจะเป็นตัวควบคุม แต่ตอนนี้พระไม่ค่อยแคร์สังคมหรือชุมชนรอบข้างแล้ว และที่สำคัญ ชุมชนรอบๆ ข้างก็ไม่ได้สนใจพระ ฉะนั้น พระท่านก็มีอิสระว่าจะทำอะไรก็ได้ ถ้าทำไม่ดี หรือประพฤติตัวย่อหย่อน ก็ทำได้ง่ายขึ้น”
พระไพศาลชี้ว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้วงการสงฆ์มาถึงยุคเสื่อมแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาใหญ่นี้มีสาเหตุจากโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ ที่รวมศูนย์อยู่ที่มหาเถรสมาคม อีกทั้ง การศึกษาสงฆ์ก็เสื่อมถอย ไม่ได้เน้นการพัฒนาจิตใจ พระสงฆ์จึงไม่มีแรงที่จะต่อต้านบริโภคนิยมเพราะ ไม่มีภูมิคุ้มกันในจิตใจ
“วิธีการเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็คือ การปฏิรูปการศึกษาคณะสงฆ์ และการปฏิรูปการปกครองของคณะสงฆ์ เนื่องจากกติกา และการปกครองของคณะสงฆ์ในยุคนี้ ถดถอย ขาดประสิทธิภาพ จึงต้องปรับปรุงระบบของคณะสงฆ์ให้ดีขึ้น คณะสงฆ์ต้องเท่าทันกับสังคมที่เน้นบริโภคนิยม ปัญหาของคณะสงฆ์ตอนนี้ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลเท่านั้นเพราะโครงสร้างการปกครองของคณะสงฆ์ มีต้นแบบมาจากสมัยรัชกาลที่ 5 คือ 100 กว่าปีมาแล้ว ขณะที่การปกครองบ้านเมืองในรอบ 100 ปีนั้น มีการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่โครงสร้างของคณะสงฆ์ซึ่งถอดแบบมาจากยุครัชกาลที่ 5 แทบไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเลย เรื่องทั้งหมดไปกระจุกที่มหาเถรสมาคม ซึ่งท่านก็ไม่มีกำลังที่จะดูแลทั่วถึง ฉะนั้น จึงต้องมีการปฏิรูปให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น เป็นการปฏิรูปเพื่อส่งเสริมเรื่องการศึกษาของคณะสงฆ์ ไม่มุ่งใช้อำนาจ เพราะใช้อำนาจก็ไม่ได้ผล”
ทั้งนี้ พระไพศาล ยังยกตัวอย่างจากข่าวกรณีพระสะสมรถโบราณว่า ถ้าเป็นสมัยก่อนทำได้ยาก เพราะผู้ปกครองสงฆ์ครูบาอาจารย์จะใส่ใจดูแล ไม่อนุญาตให้ทำ แต่ตักเตือนหรือลงโทษด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้การปกครองของคณะสงฆ์อ่อนแอ บางทีผู้ปกครองสงฆ์ก็อาจจะเกรงใจพระรูปนั้นด้วยว่ามีเส้นสายกับผู้มีอำนาจในทางโลกหรือวงการคณะสงฆ์ ทำให้ไม่กล้าดำเนินการอะไร สมัยก่อนทำเรื่องแบบนี้ได้ยาก เพราะมีการควบคุมกวดขันมาก
“หรืออย่างกรณีพระนั่งเครื่องบินเจ็ต ใช้ของแบรนด์เนม จริงๆ เรื่องการใช้ของแบรนด์เนมนั้นเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับความประพฤติที่ย่อหย่อนจากพระธรรมวินัย เวลาบวชพระ ต้องมีข้อพิจารณา 10 ประการ หนึ่งในนั้นคือ ภิกษุต้องระลึกเสมอว่าเราควรทำตัวให้ป็นผู้เลี้ยงง่าย อยู่อย่างสมถะ ถ้าเผื่อว่าพระสงฆ์ หรือชุมชนเข้มแข็ง พระที่ประพฤติแบบนี้ก็จะอยู่ยาก แต่รวมๆ แล้ววิธีแก้ปัญหาก็คือต้องปฏิรูปคณะสงฆ์ทั้งเรื่องการปกครองและการศึกษา”
นอกจากจะร่วมกันวิเคราะห์ทางออกแล้ว ถ้าจะต้องไปให้ถึงที่สุด คำถามใหญ่ที่ท้าทาย ซึ่งหลายคนสงสัยก็คือ เหตุการณ์ที่เลวร้ายของวงการผ้าเหลืองที่ผลิตซ้ำอยู่ทุกวันๆ เป็นแค่พระซึ่งเป็นตัวบุคคลเสื่อม หรือศาสนาเสื่อมกันแน่
เรื่องนี้ พระไพศาล บอกว่า ทุกอย่างตกอยู่ใต้กฎพระไตรลักษณ์ ความเสื่อมความเจริญก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“อย่างที่รู้ว่าพระธรรมเป็นอกาลิโกก็จริง แต่ตัวศาสนาที่เป็นคำสอนและสถาบัน ก็ล้วนตกอยู่ใต้ความไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าเคยทำนายว่าพระพุทธศาสนาจะมีอายุ 5 พันปี ก็แสดงให้เห็นความเป็นอนิจจังของทุกสิ่ง รวมทั้งศาสนา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะงอมืองอไม้ ปล่อยไปตามบุญตามกรรม ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรที่จะช่วยกันประคับประคองไม่ให้เกิดความเสื่อมถอย แล้วช่วยทำให้ศาสนามีความเจริญขึ้นได้ ถามว่าวันนี้วงการพระมาถึงจุดต่ำสุดหรือยัง อาตมาว่ายังมีโอกาสตกต่ำได้อีกเยอะ อยู่ที่ว่าเราช่วยกันหรือเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่าพุทธบริษัททั้ง 4 ถ้ารู้ธรรม ปฏิบัติธรรม เผยแผ่ธรรมได้อย่างถูกต้อง ศาสนาก็จะเจริญไม่มีเสื่อมถอย ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงควรช่วยกันให้สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วย” |