![]() |
มติชนรายวัน ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ วางใจอย่างไรในยามป่วยหนัก
|
ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา แต่ก็มิอาจหนีพ้น แม้กระนั้นเมื่อเจ็บป่วย ก็ขอให้ป่วยแต่กาย อย่าให้ใจป่วยไปด้วย ใจที่สงบเย็นเป็นสุขสามารถเกิดได้ในกายที่เจ็บป่วย ขอเพียงแต่วางใจให้ถูก ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ผลักไส ความเจ็บป่วยสามารถสอนธรรมให้เราเกิดปัญญาได้ ถ้าคุณป่วยด้วยมะเร็ง อย่าลืมว่าคุณไม่ได้เป็นมะเร็ง เพียงแต่มีมะเร็งอยู่ในร่างกายเท่านั้น มะเร็งไม่ใช่ทั้งหมดของคุณ แค่เป็นส่วนหนึ่งในตัวคุณ คุณยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่สามารถให้ความสุขแก่คุณในขณะนี้ได้ อย่ากังวลกับอนาคต อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข เท่านี้ก็พอแล้ว เวลามีความเจ็บปวดไม่ว่าส่วนไหนของร่างกาย อย่าผลักไสมัน ยิ่งผลักไส ยิ่งเป็นทุกข์ แต่ให้ลองสังเกตใจของเราแทนว่า ตอนนั้นมีความหงุดหงิด หรือความโกรธไหม แค่เห็นมัน ก็ช่วยได้เยอะ เพราะหากไม่รู้ทันอารมณ์เหล่านั้น มันจะสร้างความทุกข์ใจ และทำให้ความทุกข์กายเพิ่ม เรียกว่าทุกข์คูณ 3 เลย แต่ถ้ารู้ทัน มันจะดับไป ความทุกข์จะลดลง เหมือนทุกข์หาร 3 เวลาเจ็บปวดจากความป่วยไข้ พึงระลึกนึกถึงคำพูดของหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่ว่า “อันความอยากหายจากทุกขเวทนานั้น อย่าอยาก ยิ่งอยากให้หายเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มสมุทัย ตัวผลิตทุกข์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ให้อยากรู้อยากเห็นความจริงของทุกขเวทนาที่แสดงอยู่กับกายกับใจเท่านั้น นั่นคือความอยากอันเป็นมรรคทางเหยียบย่ำกิเลส ซึ่งจะทำให้เกิดผล คือการเห็นแจ้งตามความจริงของกาย เวทนา จิต ที่กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนั้น ความอยากรู้จริงเห็นจริงนี้มีมากเท่าไร ความเพียรพยายามทุกด้านยิ่งมีกำลังมากเท่านั้น”
ความเจ็บป่วยและความเจ็บปวดไม่ได้มีแต่โทษ แต่มีประโยชน์ เพราะมันสามารถสอนธรรมหรือแสดงสัจธรรมให้เราเห็นความจริงของกายและใจ ลองใช้โอกาสนี้พิจารณาธรรมข้างล่างนี้ก็ได้ “แม้กายนี้จะกระสับกระส่ายด้วยทุกขเวทนา การยอมรับเป็นหัวใจของการเผชิญกับความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับความเจ็บปวด ความเป็นไปของร่างกาย ความเป็นไปของสมอง หรือความสามารถของตัวเอง ถ้าเรายอมรับได้ ความทุกข์ก็จะน้อยลง มีคนไข้คนหนึ่ง เป็นมะเร็งระยะท้าย พอไป x-ray ปอด พบว่าปอดขาวไปทั้งปอด ทีแรกหมอไม่เชื่อผล เพราะคนไข้มีอาการเหมือนคนปกติ ไปX-rayอีก ก็ได้ผลเหมือนเดิม แปลว่าน้ำท่วมปอด ขนาดน้ำท่วมปอด คนไข้ก็ยังไม่รู้สึกทุกข์ทรมาน เขาบอกว่าเขาหายใจเท่าที่หายใจได้ แม้น้ำท่วมปอด ก็ไม่ตื่นตกใจเพราะเขามีสติ เขาพูดเล่น ๆ ว่าหายใจทางผิวหนัง น้ำท่วมปอดแต่ก็ยังพอหายใจได้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาใช้สมาธิช่วยด้วย อันนี้แสดงว่าแม้กายใจจะแต่จะทุกข์หรือไม่อยู่ที่ใจ ถ้าใจไม่ตื่นตระหนกก็ยังพออยู่ได้ แต่ถ้าตื่นตระหนกเมื่อไหร่ ก็แย่เลย ความเจ็บปวดทางกาย หรือทุกเวทนาทางกาย ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความทุกข์ทางใจ คนเราแม้ร่างกายปกติ แต่มีความทุกข์ทางใจ ก็จะมีอาการกระสับกระส่าย อยู่ไม่เป็นสุข แต่ถึงจะมีทุกขเวทนาทางกาย การหายใจติดขัด แต่ถ้าใจไม่วิตกกังวล ก็ยังพออยู่ได้ ประคับประคองตนเองไปได้ สาเหตุที่ใจไม่วิตกกังวลก็เพราะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากยอมรับความจริงและยอมรับความเป็นไป จะช่วยให้ใจไม่ทุกข์ ร่างกายของเรานั้นเปรียบเหมือนบ้าน เมื่อแก่ชราและล้มป่วย ร่างกายก็ไม่ต่างจากบ้านที่ผุพังเต็มที่ ใกล้จะพังครืนลงมา ผู้ที่ไม่ประมาท เห็นความจริงของชีวิต ย่อมเตรียมใจพร้อมเสมอว่าบ้านหลังนี้จะพังลงมาเมื่อไหร่ เมื่อมันพังลงมา ก็พร้อมก็ทิ้งบ้านหลังนี้ ในยามนั้นพึงระลึกถึงคำของพระเรวัตเถระว่า “เราไม่ยินดีต่อความตาย ชาวญี่ปุ่นวัย 70 ปีคนหนึ่ง ที่ป่วยด้วยมะเร็งระยะสุดท้าย พูดได้น่าสนใจว่า “ชีวิตนี้ฉันบรรลุทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังรอพิธีมอบรางวัล” ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว วันที่เราตายคือ วันที่เราทำงานเสร็จสิ้นแล้ว มีรางวัลหรือค่าจ้างรออยู่ข้างหน้า นั่นคือความสงบ และสำหรับชาวพุทธ เราเชื่อว่ามีสุคติเป็นที่หมาย |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|