![]() |
โยมถามพระตอบ ตอนที่ ๑๓ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ |
คำถามที่ ๑. คนที่บ้านโยมไม่ค่อยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เนื่องจากมักจะเห็นคนทำดีไม่ได้ดี คนทำชั่วกลับไม่เป็นอะไร อย่างเช่นนักการเมืองบางคน เป็นต้น และเมื่อไม่ศรัทธาเสียแล้ว ก็ไม่เชื่อในบาปบุญคุณโทษ พาลไม่รักษาศีลและไม่ยึดมั่นในความดี โยมควรจะทำอย่างไรหรือพูดอย่างไรให้คนที่บ้านมีความเห็นที่ถูกต้อง หรือหันมายึดมั่นในความดีเจ้าคะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ ตอบ คุณควรชี้แจงให้เขาเห็นว่า ผลของความดีนั้นต้องดูนาน ๆ มองยาว ๆ อย่าตัดสินเพียงแค่เหตุการณ์ชั่วครู่ชั่วยาม หรือช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ต่างจากการดูกีฬา เช่น ฟุตบอล ทีมใดจะแพ้หรือชนะ ต้องดูให้จบเกม อย่าดูแค่ ๑๐ นาทีแรกหรือครึ่งแรก มีหลายทีมที่นำในครึ่งแรก แต่เมื่อจบเกม กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จะว่าไปแล้ว แม้เล่นครบ ๙๐ นาทีก็ยังสรุปไม่ได้ว่าทีมที่ยิงนำเป็นผู้ชนะ เพราะพอทดเวลาไปไม่กี่นาที ทีมนั้นกลับเป็นฝ่ายแพ้ก็มี คนทำชั่วแต่ได้ดีนั้น เปรียบไปก็ไม่ต่างจากทีมที่ตุกติกเล่นโกงจนสามารถยิงนำก่อนในครึ่งแรก เราซึ่งเป็นคนดูยังด่วนสรุปไม่ได้ว่าทีมนั้นจะเป็นผู้ชนะ ต้องดูต่อไปจนกระทั่งกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา หมายความว่าคนเหล่านั้นวันนี้แม้จะได้ดิบได้ดี ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าทำชั่วแล้วได้ดี ต้องดูต่อไปว่าอนาคตข้างหน้าเขาจะเป็นอย่างไร แล้วจะพบว่าคนเหล่านั้นในที่สุดต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของตน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อย่างน้อยก็มีวันหนึ่งที่เขาต้องรับผลกรรมนั้นอย่างเต็มที่ นั่นคือวันสุดท้ายของชีวิต คนเหล่านี้ยากที่จะตายดีหรือตายสงบได้ เพราะกรรมชั่วย่อมมาหลอกหลอน ให้อยู่อย่างทุรนทุรายจนสิ้นลม ใช่แต่เท่านั้นยังต้องไปรับกรรมในภพหน้า (ซึ่งคนทั่วไปย่อมไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าเขาตายแล้วต้องรับวิบากอย่างไรบ้าง) ข้อสำคัญคือนอกจากดูนาน ๆ แล้วต้องดูให้ถี่ถ้วนด้วย หลายคนแม้ร่ำรวย แต่ไม่มีความสุขเลย เพราะประสบความทุกข์ในด้านอื่น ๆ เช่น เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย ครอบครัวแตกแยก กลุ้มใจเรื่องลูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นโรคประสาท เหตุการณ์เหล่านี้บ่อยครั้งคนภายนอก ก็ไม่รู้ เพียงแค่เห็นว่าเขาร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมาย ก็คิดว่าเขามีความสุข หรือได้ดิบได้ดีไปแล้ว หารู้ไม่ว่าเขากำลังเสวยวิบากแห่งกรรมชั่วที่ได้ทำอยู่ทุกขณะ นอกจากชี้ให้เขาดูคนอื่นอย่างถี่ถ้วนและไม่ด่วนสรุปแล้ว ควรชี้ให้เขากลับมามองตนเองด้วยว่า เมื่อไม่รักษาศีล ไม่ทำความดีแล้ว เขามีความสุขจริงหรือ ทุกวันนี้อยู่เย็นเป็นสุข หรืออยู่ร้อนนอนทุกข์ ใจสงบหรือมีความวิตกกังวลเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้เห็นความไม่ดีของตน พร้อมกันนั้นก็ถามเขาต่อไปว่า มั่นใจเพียงใดว่าเมื่อทำเช่นนั้นแล้วจะตายดีหรือตายสงบ ไม่ต้องพูดถึงการไปสุคติ คำถามที่ ๒. กราบนมัสการพระอาจารย์ที่เคารพ โยมมีความสงสัยว่า คนที่ไม่มีจิตสำนึกสาธารณะ เช่นทิ้งขยะลงพื้น หรือโยนขยะออกจากรถ เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็มีแม่บ้านหรือพนักงานกวาดถนนมาเก็บ หรือการขีดเขียนกำแพงตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป อย่างนี้บาปหรือไม่ และหากบาป จะได้รับผลอย่างไรเจ้าคะ ตอบ พฤติกรรมดังกล่าว เกิดจากความเห็นแก่ตัว จิตเป็นอกุศล ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นแม้ไม่ร้ายแรงเหมือนการผิดศีล ๕ แต่ก็จัดว่าเป็นบาปได้ หากทำเช่นนี้เป็นอาจิณ อกุศลย่อมครอบงำจิตใจ ทำให้มีนิสัยเห็นแก่ตัว ไม่ใส่ใจผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่เป็นที่รักหรือเคารพนับถือของผู้คน เมื่อทำกิจใด ก็ไม่มีใครอยากร่วมมือด้วย เวลาเกิดความเดือดร้อน ผู้คนรอบข้างก็ไม่อยากให้ความช่วยเหลือ นอกจากถูกติฉินนินทาแล้ว ยังอาจถูกตอบโต้หรือเบียดเบียนโดยผู้อื่นที่เดือดร้อนเพราะพฤติกรรมดังกล่าว คำถามที่ ๓. กราบนมัสการพระอาจารย์ที่เคารพ โยมมีข้อสงสัยในส่วนของศีลข้อ 4 เจ้าค่ะ ว่า การนินทานั้น มีขอบเขตอย่างไร อย่างไรจึงจะเรียกว่าเข้าข่ายนินทา เพราะบางครั้งที่จำเป็นต้องกล่าวถึงเหตุการณ์พาดพิงบุคคลที่ 3 ในมุมที่อาจจะไม่ดีนักโดยที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย เช่น ปัญหาเรื่องงานที่มีบุคคลนั้นๆ เป็นผู้ทำผิดพลาด หรือมีคนขอให้เล่าเรื่องของบุคคลที่ 3 ให้ฟัง เป็นต้นค่ะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ ตอบ การนินทานั้นอยู่ที่เจตนา กล่าวคือพูดถึงผู้อื่นในทางลบเพราะไม่ชอบเขา เกลียดชังเขา อยากให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ยินดีที่ได้พูดถึงความไม่ดีของเขา หรือพูดไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากคำพูดของเรา แต่หากพูดพาดพิงถึงเขาเพราะต้องการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจากการกระทำของเขา หรือมีเจตนาดีอยากช่วยเหลือเขา ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขา รวมทั้งไม่มีความยินดีที่ได้พูดถึงเขาในทางลบ ก็ไม่ถือว่าเป็นการนินทาหรือผิดศีล |
รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล
วิสาโล www.visalo.org korobiznet
เอื้อเฟื้อพื้นที่
|